WooCommerce คือ ปลั๊กอิน (Plugin) สำหรับ WordPress ที่ช่วยให้คุณสร้างร้านค้าออนไลน์ (eCommerce) ได้ง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางเทคนิคมากมาย สามารถใช้ WooCommerce เพื่อขายสินค้าและบริการทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ มีฟีเจอร์หลากหลายที่ช่วยให้การจัดการร้านค้าออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการสินค้าคงคลัง การชำระเงิน การจัดส่ง รวมถึงการทำโปรโมชั่นและคูปอง
เปรียบเทียบ ผู้ใช้ แต่ละ Ecommerce แต่ละ platform ที่มีอยู่บนโลก
ข้อดีของ Woocommerce
- 1. ความยืดหยุ่นและปรับแต่งได้สูง
มีความยืดหยุ่นสูงมาก สามารถปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจได้ง่าย รองรับการปรับแต่งธีม การออกแบบ และฟังก์ชันเพิ่มเติมได้อย่างไม่จำกัด ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าประเภทไหน หรือบริการอะไร ก็สามารถปรับเปลี่ยน WooCommerce ได้ตามที่ต้องการ - 2. มีชุมชนและการสนับสนุนขนาดใหญ่
WooCommerce มีชุมชนผู้ใช้งานและนักพัฒนาขนาดใหญ่ทั่วโลก ทำให้สามารถหาข้อมูล ความช่วยเหลือ หรือคำแนะนำในการใช้งานได้ง่าย มีทั้งฟอรั่ม คู่มือ และวิดีโอสอนการใช้งานจำนวนมาก - 3. สามารถขยายฟีเจอร์ได้ด้วยปลั๊กอิน
มีความยืดหยุ่นสูงมาก สามารถปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจได้ง่าย รองรับการปรับแต่งธีม การออกแบบ และฟังก์ชันเพิ่มเติมได้อย่างไม่จำกัด ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าประเภทไหน หรือบริการอะไร ก็สามารถปรับเปลี่ยน WooCommerce ได้ตามที่ต้องการ - 4. มี Theme หรือ design ให้เลือกมากมาย
Woocommerce มี theme ที่มี design ให้ทุกแนว ไม่ว่าจะเป็น minimal , luxury , vintage และอื่น ๆ อีกมาก - 5. การจัดการร้านค้าที่ง่าย
มีระบบจัดการสินค้าที่เข้าใจง่าย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม/ลบสินค้า, การจัดการสต็อก, การกำหนดราคาสินค้า, ค่าขนส่ง, และการทำโปรโมชันต่างๆ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีมากนัก - 6. รองรับช่องทางการชำระเงินหลายรูปแบบ
WooCommerce รองรับช่องทางการชำระเงินหลากหลาย ทั้งการจ่ายผ่านบัตรเครดิต/เดบิต, PayPal, โอนเงินผ่านธนาคาร หรือสามารถเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการเกตเวย์การชำระเงินอื่นๆ ได้ - 7. SEO-Friendly
WooCommerce สร้างขึ้นบน WordPress ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงด้าน SEO ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับการค้นหาบน Google ได้ดียิ่งขึ้น และยังสามารถใช้ปลั๊กอิน SEO เพิ่มเติมได้อีกด้วย เช่น Yoast SEO หรือ Rank Math - 8. รองรับหลายภาษาและสกุลเงิน
WooCommerce สามารถรองรับหลายภาษาและสกุลเงินได้ ทำให้เหมาะกับการทำร้านค้าออนไลน์ในตลาดสากลหรือหลายประเทศ โดยสามารถใช้ปลั๊กอินเช่น WPML หรือ Polylang เพื่อทำให้เว็บไซต์รองรับหลายภาษาได้อย่างง่ายดาย - 9. รายงานและการวิเคราะห์ข้อมูล
WooCommerce มาพร้อมกับเครื่องมือรายงานที่ช่วยให้คุณสามารถติดตามยอดขาย สินค้าที่ขายดี และข้อมูลลูกค้าได้อย่างละเอียด ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวางแผนธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น - 10. การบูรณาการกับระบบอื่นๆ
WooCommerce สามารถบูรณาการกับบริการและระบบอื่นๆ ได้ เช่น ระบบการขนส่ง ระบบการตลาดอีเมล หรือเครื่องมือการทำ CRM ทำให้การจัดการร้านค้าออนไลน์ทำได้ครบวงจร
ข้อสุดท้ายสำคัญที่สุด คือผู้พัฒนา Woocommerce WordPress รวมถึง WordPress dev. มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจึงทำให้ Function สำหรับเว็บไซต์ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสำคัญกับการแข่งขันในโลกปัจจุบันอย่างยิ่ง หากติดอยู่กับ platform ที่พัฒนาไม่ได้ หรือ พัฒนาช้าทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง