1. คลิกลิงค์ chrome://settings/ เพื่อเข้า google chrome setting
2. กด Advanced
3. กด Clear Browing data
4. กด Advanced
5. เลือก Time range เป็น All time
6. เลือก option ที่ต้องการ clear ตามรูป หากต้องการ clear ทั้งหมดก็เลือก all
7. กด Clear Data
อธิบายเพิ่มเติม เกี่ยวกับ Browser Cache
Browser Cache คือพื้นที่จัดเก็บข้อมูลชั่วคราวที่เบราว์เซอร์ใช้เพื่อเก็บข้อมูลจากเว็บไซต์ที่คุณเคยเยี่ยมชม เพื่อให้สามารถแสดงเนื้อหาของเว็บไซต์เหล่านั้นได้เร็วขึ้นเมื่อคุณกลับมาเยี่ยมชมอีกครั้งโดยไม่ต้องดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดใหม่จากเซิร์ฟเวอร์ทุกครั้ง
หลักการทำงานของ Browser Cache
- การเก็บข้อมูล: เบราว์เซอร์จะดาวน์โหลดเนื้อหา เช่น รูปภาพ, ไฟล์ CSS, ไฟล์ JavaScript จากเซิร์ฟเวอร์และเก็บไว้ใน Cache
- การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง: เบราว์เซอร์จะตรวจสอบว่าไฟล์ที่เก็บไว้ยังเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือไม่
- การใช้งานข้อมูลใน Cache: หากไฟล์ยังไม่เปลี่ยนแปลง เบราว์เซอร์จะดึงข้อมูลจาก Cache มาใช้
- การอัปเดตข้อมูล: หากไฟล์หมดอายุหรือมีการเปลี่ยนแปลง เบราว์เซอร์จะดาวน์โหลดไฟล์ใหม่
ข้อมูลที่ Browser Cache เก็บ
- Static Assets: รูปภาพ (.jpg, .png), ไฟล์ CSS, ไฟล์ JavaScript
- HTML
- ข้อมูลอื่น ๆ เช่น ไฟล์ฟอนต์ หรือข้อมูล API Response
ข้อดีของ Browser Cache
- เพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บ
- ลดการใช้งานแบนด์วิดท์
- ลดโหลดของเซิร์ฟเวอร์
ปัญหาที่อาจเกิดจาก Browser Cache
- เนื้อหาไม่อัปเดต
- พื้นที่เก็บข้อมูลเต็ม
- ปัญหาการพัฒนาเว็บไซต์
วิธีจัดการกับ Browser Cache
- การล้าง Cache: ไปที่ Settings > Privacy and security > Clear browsing data
- Hard Refresh: กด
Ctrl + F5
บน Windows หรือCommand + Shift + R
บน Mac - การตั้งค่าบนเซิร์ฟเวอร์:
- ใช้
Cache-Control
Header เพื่อตั้งอายุของ Cache - ใช้
ETag
หรือLast-Modified
เพื่อตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของไฟล์ - ใช้ Versioning หรือ Query String (เช่น
style.css?v=2
) เพื่อบังคับให้เบราว์เซอร์ดาวน์โหลดไฟล์ใหม่
- ใช้
สรุป
Browser Cache เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเข้าถึงเว็บไซต์ แต่ต้องมีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมทั้งจากฝั่งผู้ใช้และนักพัฒนา เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากข้อมูลที่ล้าสมัยหรือการใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากเกินไป